หมวกกันน็อกแบบไหนที่เหมาะกับเรา?

หมวกกันน็อกมีกี่แบบ หมวกกันน็อกแบบไหนดี แล้วแบบไหนที่เหมาะกับเรา?
ประเทศไทย เป็นประเทศที่มีผู้ใช้งานรถจักรยานยนต์ในสัดส่วนที่สูงมาก และมีรถจักรยานยนต์จำนวนมากเช่นกัน แต่บ่อยครั้งที่เราเห็นว่ามักมีผู้คนจำนวนไม่น้อย ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่สวมหหมวกกันน็อก ซึ่งเป็นการกระทำที่อันตรายอย่างมาก เพราะสาเหตุการเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยเกินกว่าครึ่งมีสาเหตุจากการไม่สวมหมวกกันน็อกทั้งสิ้น ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาก็ไม่ยากเลย เพียงแค่สวมหมวก ชีวิตของคุณก็จะปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ประเภทหมวกกันน็อก

1.หมวกกันน็อกครึ่งใบ (Half face)
หมวกกันน็อกครึ่งใบ (Half face) เป็นหมวกกันน็อกที่มีผู้ใช้งานค่อนข้างมาก เนื่องจากสวมใส่ง่าย ราคาเริ่มต้นเพียงหลักร้อยต้นๆ หาซื้อได้ง่าย และมักจะได้แถมฟรีหลังจากซื้อรถจักรยานยนต์มาแล้ว (หมวกแถม) แต่เป็นหมวกที่มีประสิทธิภาพป้องกันได้ต่ำมาก เนื่องจากส่วนป้องกันของหมวกนั้นอยู่แต่เพียงบริเวณกระหม่อมศรีษะ
ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตุแล้วแทบจะช่วยอะไรได้ค่อนข้างน้อยมาก อีกทั้งไม่เหมาะแก่การขับขี่ด้วยความเร็วเกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เนื่องจากไม่มีกระจกป้องกันลม อาจมีเศษวัสดุ หรือแมลงเข้าตาได้ง่าย

2.หมวกกันน็อกเปิดหน้า (Open face)
หมวกกันน็อกเปิดหน้า (Open face) เป็นหมวกอีกประเภทที่มีผู้ใช้งานมาก เนื่องจากสวมใส่ได้ง่าย มีการป้องกันที่คลอบคลุมรอบศรีษะ และมาพร้อมกระจกบังลม เป็นหมวกกันน็อกที่เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง หรือการเดินทางระยะกลาง เนื่องจากให้มุมมองกว้างมาก มองเห็นง่าย หันซ้าย หันขวาสะดวก
มีราคาที่ไม่แพงมาก เริ่มต้นที่หลักร้อยไปจนถึงหลักหลายหมื่นบาทเลยทีเดียว ข้อเสียคือไม่มีการป้องกันบริเวณคางและลมสามารถย้อนเข้ามาใต้คาง อันเป็นสาเหตุให้ตาแห้งได้ง่าย
และยังมีหมวกแบบเปิดหน้า แต่ไม่มีกระจกบังลมด้วย ศัพท์ในวงการจะเรียกกันว่า “หมวก 5 เป็ก” หรือหมวกกันน็อกคลาสสิก ซึ่งหน้าตาจะเหมือนกับหมวกเปิดหน้าทุกประการ เพียงแต่ไม่มีกระจกบังลม และตัวเปลือกหมวกจะออกแบบมาให้กลมมนทั้งใบ ไม่มีการทำร่องลมเหมือนกับหมวกปัจจุบัน

3.หมวกกันน็อกเต็มใบ (Full face)
หมวกกันน็อกเต็มใบ (Full face) เป็นหมวกกันน็อกที่ปลอดภัยที่สุด มีส่วนของการป้องกันคลอบคลุมทั้งศรีษะ ปิดใบหน้าทั้งหมดเห็นเฉพาะจมูกและตาเท่านั้น นิยมใช้งานกับกลุ่มรถ Bigbike เหมาะสำหรับการขับขี่ในสนามแข่งมากที่สุด และเป็นประเภทเดียวกับหมวกกันน็อกที่ใช้ในการแข่งขันด้วย
เนื่องจากมีการป้องกันที่ดีที่สุด เซฟตี้ที่สุด และมีการออกแบบอากาศพลศาสตร์ที่เหมาะสมกับการขับขี่ด้วยความเร็วสูง-สูงมาก
ข้อเสียคือสวมใส่ค่อนข้างยากสำหรับผู้ไม่ได้ใช้งานบ่อย และอาจอึดอัดเกินไปสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคย ตัวหมวกกันน็อกมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่เกือบพันบาท จนถึงหลักแสนบาทกันเลยทีเดียว ซึ่งราคาจะขึ้นกับคุณสมบัติของหมวกว่าอาจถอดเปลี่ยนนวมได้ง่าย ถอดซักล้างนวมได้ มีแว่นกันแดดชั้นที่ 2 สามารถติดตั้งแผ่นกันผ้
มีช่องระบายอากาศเยอะเป็นต้น

4.หมวกกันน็อกยกคาง (Modular)
หมวกกันน็อกยกคาง (Modular) เป็นหมวกกันน็อกที่รวมเอาข้อดีของหมวกแบบเปิดหน้าและหมวกเต็มใบไว้ด้วยกัน รูปร่างภาพนอกจะเห็นเป็นหมวกกันน็อกแบบเต็มใบ แต่มีคุณสมบัติสามารถยกคางหมวกกันน็อกขึ้นได้ ให้กลางเป็นหมวกเปิดหน้า นิยมใช้งานกับผู้ที่ต้องการความสะดวกในการใช้งานหมวกกันน็อก
แต่ยังต้องการความปลอดภัยที่มากกว่าหมวกแบบเปิดหน้าปกติ
หมวกกันน็อกยกคางนี้ผู้ใช้งานส่วนใหญ่จะเป็นในกลุ่มของรถ Big Scooter และกลุ่มรถ Bigbike สไตล์ทัวร์ริ่ง ข้อเสียคือหมวกประเภทนี้จะมีน้ำหนักค่อนข้างมาก เนื่องจากมีกลไกที่เยอะขึ้นนั่นเอง

5.หมวกกันน็อกวิบาก (Dirt, Motocross)
หมวกกันน็อกวิบาก (Dirt, Motocross) เป็นหมวกกันน็อกที่เหมาะสำหรับการขับขี่ในทางออฟโร้ดเป็นอย่างยิ่ง โดยลักษณะของตัวหมวกจะมีพื้นที่บริเวณคางยื่นออกไปมากกว่าหมวกแบบอื่นๆ เนื่องจากอุบัติเหตุของรถมอไซวิบากส่วนใหญ่นั้น คางของผู้ขับขี่มักจะกระแทกพื้นบ่อยครั้ง
จึงมีการเสริมพื้นที่ด้านหน้าของตัวหมวกกันน็อกให้ยาว เพื่อไม่ให้คางของผู้ขับขี่กระแทกตัวหมวกเอง
หมวกลักษณะนี้จะไม่มีกระจกบังลมมาให้ แต่ถูกออกแบบมาให้สามารถสวมแว่นตาแบบรัดกับหมวก เพื่อความสะดวกในการใช้งาน และยังมีแก๊ปด้านบน ซึ่งทำหน้าที่บังแดด และบังดินโคลนได้ด้วย

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *